IoT ย่อมาจาก “Internet of Things” หรือ “อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ” หมายถึงแนวคิดที่สิ่งของหรืออุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ โดยที่สิ่งของเหล่านี้สามารถเก็บข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ หรือระบบคอมพิวเตอร์ได้ ปัจจุบันมีอุปกรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ที่นำเทคโนโยลี IoT มาปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ในการทำงานและในชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างเช่น:
หลักการของ IoT คือการทำให้ทุกอย่างที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน การนำเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มาใช้ในธุรกิจโรงแรมกำลังกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก IoT ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายในโรงแรม แต่ยังทำให้ประสบการณ์ของผู้เข้าพักดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด
หนึ่งในข้อดีของการนำ IoT เข้ามาใช้ในธุรกิจโรงแรม คือการทำให้การบริการสามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น ระบบห้องพักอัจฉริยะที่สามารถปรับอุณหภูมิ แสง และเสียงตามความชอบของผู้เข้าพักได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผู้เข้าพักยังช่วยให้การควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดไฟ หรือสั่งบริการรูมเซอร์วิส แต่การลงทุนในอุปกรณ์และระบบอัจฉริยะเหล่านี้จะต้องใช้ต้นทุนในการวางระบบและซื้ออุปกรณ์ที่ค่อนข้างสูง
การใช้เทคโนโลยี IoT ในธุรกิจโรงแรม ช่วยให้เจ้าของหรือผู้จัดการโรงแรมสามารถจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยติดตั้งระบบคีย์การ์ดตัดไฟอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาเช็คเอาท์ ระบบจะปิดไฟและปรับลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศโดยอัตโนมัติ เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
และช่วยประหยัดไฟเมื่อลูกค้าออกไปธุระข้างนอก ทำให้คุณสามารถคุมค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IoT ยังสามารถช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยในโรงแรมด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดและเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายกลาง ซึ่งทำให้การตรวจสอบและจัดการเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น การติดตั้ง ระบบคีย์การ์ดคุมไฟในห้องพัก H-Box PRO จะอนุญาตให้ลูกค้าที่มีการลงเช็คอินเท่านั้นสามารถใช้ห้องพักได้ จึงช่วยป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี
IoT ช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้เข้าพักกับโรงแรมรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การปรับใช้เทคโนโลยี IoT สำหรับการตรวจสอบสถานะห้องพักว่าทำความสะอาดหรือยัง รวมถึงการติดตามคำสั่งซื้อรูมเซอร์วิส นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อขอความช่วยเหลือหรือติดต่อพนักงานได้ง่ายดาย
การนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใชในการบริการดังกล่าว ต้องมีการวางแผนและจ้างการสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการให้บริการต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเจ้าของโรงแรมอาจต้องใช้เวลาและการลงทุนจ้างทำแอปพลิเคชันที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม หากมีการวางแผนและสร้างระบบที่ดี ระบบที่ใช้ IoT นี้ก็จะสามารถช่วยยกระดับการให้บริการได้เป็นอย่างมาก
การใช้เทคโนโลยี IoT ในธุรกิจโรงแรม ยังมีประโยชน์อย่างมาก โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อภายในโรงแรมสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาการบริการให้ตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักได้ดียิ่งขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานในแต่ละห้อง หรือวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เข้าพัก ทำให้โรงแรมสามารถปรับปรุงบริการและการบริหารจัดการได้อย่างตรงจุด
โดยระบบโรงแรม H-Box มีรายงานการใช้ไฟฟ้า และพฤติกรรมการเข้าออกห้องพักของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่นๆ ให้เจ้าของโรงแรมหรือผู้จัดการโรงแรมสามารถนำไปวิเคราะห์และปรับการบริหารจัดการและการให้บริการในอนาคตต่อไป
การใช้ IoT ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น การใช้เซ็นเซอร์ที่ช่วยตรวจสอบว่าผู้เข้าพักต้องการบริการใด เช่น รูมเซอร์วิสหรือการทำความสะอาดโดยไม่ต้องเรียกพนักงาน นอกจากนี้ การใช้แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ยังทำให้การจองห้องพัก การเช็คอิน และการชำระเงินทำได้ง่ายขึ้น ผ่านสมาร์ทโฟนของผู้เข้าพัก
ปัจจุบันมีอุปกรณ์ ระบบ และแอปพลิเคชันที่สามารถอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เหล่านี้มากขึ้น
การนำ IoT เข้ามาใช้ในระบบโรงแรมเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการและการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการปรับแต่งบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้เข้าพัก การจัดการพลังงาน การเพิ่มความปลอดภัย และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โรงแรมที่นำ IoT มาใช้จะมีความได้เปรียบในตลาดและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักในยุคดิจิทัลได้อย่างครบวงจร
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @unsleepbox