Hotel Monitoring
จากที่ทราบกันบ้างแล้ว ว่ารัฐบาลกำลังจะปรับเปลี่ยนวิธีการเก็บภาษี โดยออกนโยบายใหม่ที่เรียกว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แล้วภาษีใหม่นี้คืออะไร และมีผลอย่างไรกับกลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท บ้าง
ก่อนหน้านี้ใครที่ทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท คงจะคุ้นเคยกับภาษีที่เรียกว่า ภาษีโรงเรือน กันเป็นอย่างดี แต่ต่อไปหากรัฐบาลเปลี่ยนมาใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ก็จะไม่มีภาษีโรงเรือนอีกต่อไป นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องจ่ายภาษีซ้ำซ้อน เพียงแต่เปลี่ยนไปจ่ายภาษีแบบใหม่แทนค่ะ
ซึ่งภาษีที่เก็บได้นี้จะถูกนำไปจ่ายให้กับองค์การปกครองท้องถิ่น เช่น กรุงเทพมหารนคร เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล แล้วแต่ว่า โรงแรม รีสอร์ท ของเราสังกัดอยู่ที่ไหน ถ้าเราอยู่กับเทศบาล เงินภาษีเราก็จะถูกส่งให้เทศบาล เพื่อให้เขานำไปพัฒนาท้องถิ่นของเราต่อไปค่ะ
แล้วเราต้องเสียภาษีเท่าไหร่ไม่ว่าจะเป็นในนามบุคคล หรือนิติบุคคลแล้ว สำหรับธุรกิจประเภทโรงแรมและรีสอร์ท ภาษีที่ต้องเสียจะคำนวณจากราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมีอัตราภาษีดังนี้
มูลค่า (ล้านบาท) อัตรา (%)> ฿0-฿50 ล้าน 0.30% ล้านละ 3,000 บาท> ฿50-฿200 ล้าน 0.40% ล้านละ 4,000 บาท> ฿200-฿1000 ล้าน 0.50% ล้านละ 5,000 บาท> ฿1,000-฿5000 ล้าน 0.60% ล้านละ 6,000 บาท> ฿5,000 ขึ้นไป 0.70% ล้านละ 7,000 บาท
ตัวอย่างการคิดภาษีหากคุณมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าดังนี้– ที่ดิน 3,000,000 บาท– สิ่งปลูกสร้าง (หักค่าเสื่อมแล้ว) 1,800,000 บาท– รวมมูลค่า 4,800,000 บาท– มูลค่าอยู่ในช่วง 0-50 ล้านบาท ดังนั้นภาษีที่ต้องชำระคือ 4,800,000 * 0.30% = 14,400 บาท
ตามกำหนดการที่ออกมานั้น จริงๆ แล้วภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 13 มีนาคม 2562 และจะเริ่มเก็บภาษีตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 แต่ได้มีการเลื่อนกำหนดการให้เริ่มจ่ายภาษี เดือน สิงหาคม 2563 แทน